เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมพระยาศรีวิสารวาจา สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดยศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดี ให้การต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สวามินี ธีระวุฒิ รองอธิการบดีฝ่ายแผนยุทธศาสตร์และนโยบาย และผู้ช่วยศาสตราจารย์จริยาวดี สุริยพันธุ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวางแผนพัฒนา พร้อมผู้อำนวยการกองแผนงานและคณะ มหาวิทยาลัยบูรพา มาศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ กองแผนงาน สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้อำนวยการกองแผนงาน นายบุญรัตน์ อินต๊ะพิงค์ พร้อมคณะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การติดตามและประเมินผลตามแผนยุทธศาสตร์ กลไกการชับเคลื่อนแผนสู่ความสำเร็จ แนวทางการถ่ายทอดแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การแปลงแผนสู่การปฏิบัติ การเสนอโครงการยุทธศาสตร์ (Challenge) การจัดทำคำรับรองการปฏิบัติงานของส่วนงาน (CMU PA) การติดตามและประเมินผลตามแผนยุทธศาสตร์ กลไกการจูงใจ เพื่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการสนับสนุน PA REWARD รวมถึงแนวทางการคํานวณผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม (SROI) ที่มหาวิทยาลัยเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานตามเป้าหมายวิสัยทัศน์การสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ multi years ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนามหาวิทยาลัย รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดสรรค่าสาธารณูปโภคจากงบประมาณแผ่นดิน ให้สอดคล้องกับภารกิจของมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์ นายแพทย์อนวัช วิเศษบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพนักศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้สารสนเทศด้านความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต แนวทางในการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตให้สอดคล้องกับตลาดงานในปัจจุบัน

กองแผนงาน และสำนักงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ได้จัดทำโครงการสัมมนา “สร้างสุขภาพ สร้างทีม สร้างอนาคต” ในระหว่างวันที่ 26 - 27 กันยายน 2568 ณ Alpine Golf Resort Chiangmai ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพเข้ากับการพัฒนาและขับเคลื่อนการทำงานขององค์กร โดยเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสุขภาพ การจัดการออฟฟิศซินโดรม และการสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม พร้อมกิจกรรมประชุมหารือ แลกเปลี่ยนปัญหา และวางแนวทาง การทำงานร่วมกันในอนาคต โครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้บุคลากรมีสุขภาพดีขึ้น แต่ยังส่งเสริมการทำงานเป็นทีมอย่างเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของมหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน อีกทั้งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-Being) วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของบุคลากร พร้อมสร้างความตระหนักรู้และพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม เพื่อให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถบูรณาการสุขภาพเข้ากับกระบวนการทำงานและสนับสนุนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือภายในองค์กร ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความสุขและประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนปัญหาและแนวทางการทำงานร่วมกันในทีม
กิจกรรมสนุกสนานทั้ง 2 วันทั้งด้านวิชาการ การนำเสนอผลการดำเนินงานของกองแผนงานในรอบปี 2568 “ที่กลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยสู่เป้าหมายด้วยนวัตกรรม”
โดยนายบุญรัตน์ อินต๊ะพิงค์ ผู้อำนวยการกองแผนงาน การรายงานผลแผนการพัฒนารายบุคคล (IDP) และแผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession Plan) โดยนายสมาน สุริยวงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ รวมถึงการรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนารายบุคคล จากผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ เพื่อเสนอมหาวิทยาลัยนำไปปรับปรุงให้เหมาะสมต่อไป
กิจกรรม “การสร้างสุขภาพ สร้างทีม สร้างอนาคตที่ดีและการจัดการกับโรคออฟฟิศซินโดรม” โดย พท.ว.บริมาส กระจ่างรัตน์ และคุณเจษฎา เหลือบุญนุ่ม ทีมแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลชุมชนตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับออฟฟิตซินโรม สาเหตุการเกิดโรคตามหลักกายวิภาคศาสตร์ การออกกำลังกายยืด เหยีด และสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา และกิจกรรมการปรับรูปแบบ/บูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างสำนักงานขับเคลื่อน
ยุทธศาสตร์และกองแผนงาน สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นการทบทวนกระบวนการทำงานในองค์กรได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและยั่งยืน ส่งเสริมความเป็นมืออาชีพและการขับเคลื่อนงานอย่างมีระบบ เพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ของกองแผนงาน ในการกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปสู่เป้าหมายด้วยนวัตกรรม

📍เมื่อวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2568 กองแผนงาน สำนักงานมหาวิทยาลัย ร่วมกับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินหน้าขับเคลื่อนแผนดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการเพื่อประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้กรอบแนวทาง “3 พลังเพื่อแผ่นดิน” จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ CMU SROI Practitioner ภายใต้ความร่วมมือ 3 พลังเพื่อแผ่นดิน (รุ่นที่ 1) โดยมีศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ กล่าวถึงการขยายผลระบบประเมิน SROI สู่ระบบ CMU SROI และยกระดับสู่ SROI Platform ของ 3 มหาวิทยาลัย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นระบบ พร้อมด้วยคณาจารย์ และนักวิจัย ผู้ปฏิบัติงานด้านนโยบายและแผน บริหารงานวิจัยและนวัตกรรม และผู้ดำเนินโครงการของส่วนงานจากทั้ง 3 มหาวิทยาลัย ร่วมกิจกรรมฯ ณ ห้องประชุมทองกวาว ชั้น 2 สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

🎯 กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment : SROI) เพื่อให้เกิดผลกระทบฯ ทางบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศต่อไป ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาคมผู้ประเมินมูลค่าทางสังคมไทย ในการเป็นผู้บรรยายและการทดลองใช้งาน SROI Platform 3 มหาวิทยาลัย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมฝึกการใช้งานระบบฯ โดยวิทยากรจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์และกองแผนงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งสามารถนำไปขยายผลในระดับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

🤝ความร่วมมือจากทั้ง 3 มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมในวงกว้างอย่างยั่งยืน โดย มข.-ม.อ.-มช. ให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมครอบคลุมในทุกระดับ ผลลัพธ์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถประเมินหรือคาดการณ์ผลตอบแทนทางสังคม (SROI) ของกิจกรรม/โครงการได้ และสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้จากการอบรมไปประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน อีกทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีบุคลากรที่มีศักยภาพและมีบทบาทในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน อันก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม (Socio economic Impact) ที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อการพัฒนาสังคมไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืน